✨อุตสาหกรรมกาแฟอยู่ในภาวะตึงเครียด หลังทรัมป์เสนอขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากโคลอมเบีย 25%✨
ความตึงเครียดทางการทูตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตรแห่งโคลอมเบีย ทำให้เกิดความตึงเครียดในอุตสาหกรรมกาแฟระดับโลกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
👉ทรัมป์ขมขู่ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social หลายครั้ง โดยระบุว่าเขาได้สั่งให้รัฐบาลเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากโคลอมเบีย 25% ทันที และเป็น 50% ภายในหนึ่งสัปดาห์ รวมไปถึงการจำกัดการเดินทางของเจ้าหน้าที่โคลอมเบียและมาตรการทางการเงินอื่นๆ
🌟ภาษีศุลกากรดังกล่าวอาจส่งผลกระทบทางการเงินทันที และรุนแรงต่ออุตสาหกรรมกาแฟทั่วโลก ซึ่งกำลังเผชิญกับความผันผวนด้านราคาอย่างรุนแรงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงเป็นประวัติการณ์อยู่แล้ว
การขมขู่ของทรัมป์เกิดขึ้นหลังจากที่โคลอมเบียปฏิเสธที่จะรับเครื่องบินทหารสหรัฐฯ ที่บรรทุกผู้อพยพที่ถูกเนรเทศออกไป ประธานาธิบดีเปโตรของโคลอมเบียตอบโต้ด้วยการขู่ ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ 25% ให้กับโคลอมเบีย
👉ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ภัยคุกคามของสงครามการค้าเริ่มคลี่คลายลงเมื่อผู้นำจากทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้ามายาวนาน ได้ประกาศว่าพวกเขาบรรลุข้อตกลงชั่วคราวโดยโคลอมเบียยอมรับผู้ถูกเนรเทศภายใต้เงื่อนไขบางประการ
โคลอมเบีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟอาราบิการายใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เป็นพันธมิตรการค้ากาแฟรายสำคัญของสหรัฐฯ มานานหลายทศวรรษ ตามรายงานล่าสุดของสำนักงานบริการเกษตรต่างประเทศของกระทรวงเกษตรสหรัฐ ระบุว่าในปี 2023/24 กาแฟสารของโคลอมเบียที่ส่งออกมากกว่า 40% มีจุดหมายปลายทางที่สหรัฐฯ ในปี 2023/24 ตาม การวิเคราะห์ข้อมูลของ OEC มูลค่า การส่งออกกาแฟโคลอมเบียไปยังสหรัฐฯ อยู่ที่ประมาณ 1.78 พันล้านดอลลาร์
ในแถลงการณ์ บนแพลตฟอร์ม X ที่เรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาทางการทูตเมื่อวานนี้ Gustavo Andrés Gómez หัวหน้าสมาคมผู้ส่งออกกาแฟแห่งชาติของโคลอมเบีย ( ASOEXPORT ) อธิบายว่าการเรียกเก็บภาษีนำเข้ากาแฟของโคลอมเบีย 25% อาจเป็นวิกฤตทั้งทางเศรษฐกิจและสังคมสำหรับประเทศ
👉ล่าสุดราคากาแฟอาราบิกา ICE Futures (หรือ “ราคา c”) สำหรับเมล็ดกาแฟอยู่ที่ประมาณ 3.4875 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในยุคตลาดที่ไร้การควบคุมในปัจจุบัน