แนวโน้มของสภาพอากาศที่ดูจะเลวร้ายมากขึ้นทุกวัน ส่งผลกระทบต่อพืชผลการเกษตร เกิดการขาดแคลนอาหาร ผลผลิตที่ไม่เป็นไปตามคาดทำให้ราคาพุ่งสูงอย่างเลี่ยงไม่ได้
นักวิเคราะห์ออกมาคาดการณ์ว่าสภาพอากาศที่ไม่ปกตินี้ จะทำให้ราคาอาหารผันผวนตลอดปี 2025 นี้ ซึ่งราคาของโกโก้และกาแฟได้ปรับตัวสูงเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าไปแล้ว
ปี 2024 ที่ผ่านมา ได้รับการประกาศว่าเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ และอุณหภูมิมีแนวโน้มว่ายังจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 และแนวโน้มของสภาพอากาศที่เลวร้ายยิ่งขึ้น จะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางการเกษตร ส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้นตาม
ราคาโกโก้และกาแฟดีดตัวนำไปก่อนมากถึง 163% และ 103% ตามลำดับ เนื่องมาจากปริมาณน้ำฝนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยและอุณหภูมิในพื้นที่การผลิต ขณะที่ราคาน้ำมันดอกทานตะวันเพิ่มขึ้น 56% หลังจากภัยแล้งทำให้ผลผลิตพืชผลในบัลแกเรียและยูเครนลดลง ประกอบกับได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย
สินค้าอาหารอื่น ๆ เช่น น้ำส้ม เนย เนื้อวัว มีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบเป็นรายปีเช่นกัน ได้แก่ น้ำส้มและเนยเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งในสาม และเนื้อวัวเพิ่มขึ้นหนึ่งในสี่
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2024 ราคาอาหารสูงขึ้น 2.5% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2023 คาดว่าราคาอาหารโดยรวมในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นที่ 2.2% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ -0.4 ถึง 4.9% แบ่งเป็นราคาอาหารที่บ้าน เพิ่มขึ้น 1.3% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ -2.7 ถึง 5.5% ขณะที่ราคาอาหารนอกบ้านคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6% โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 2.0 ถึง 5.1%
ปีที่ผ่านมาสภาพอากาศที่ร้อนจัดทั่วเอเชียตะวันออก ส่งผลให้ราคาข้าวในญี่ปุ่นและผักในจีนปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ด้านแอฟริกาตะวันตกที่ผลิตโกโก้ และภูมิภาคที่ผลิตกาแฟในบราซิลและเวียดนาม ผลผลิตในตลาดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน จากความร้อนจัดและภัยแล้งในประเทศ ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้นอย่างมาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางอาหาร กล่าวว่า เหตุการณ์สภาพอากาศเลวร้ายทั่วโลกจะมีความรุนแรงและความถี่เพิ่มมากขึ้นตามอุณหภูมิโลกที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง พืชผลทางการเกษตรที่เปราะบางต่อสภาพอากาศที่เลวร้าย อาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก เป็นปัญหาใหญ่ของความมั่นคงทางอาหาร