ราคากาแฟอาราบิกาทั่วโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็น 3.60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปอนด์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากบราซิล ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก มีเมล็ดกาแฟเหลือน้อยสำหรับการขาย อีกทั้งยังมีความกังวลเกี่ยวกับผลผลิตในฤดูกาลหน้า ตัวแทนจำหน่ายกล่าวว่าปัจจุบันเมล็ดกาแฟอาราบิกาของบราซิลขายไปแล้ว 70% – 80% และการซื้อขายใหม่ก็ชะลอตัวลงบราซิลเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟอาราบิกาเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ซึ่งเป็นพันธุ์กาแฟระดับ High end ที่นิยมใช้ในการคั่วและบดเป็นผง ตามการคาดการณ์ของ Conab สำนักงานด้านพืชผลเกษตรของบราซิลกล่าวว่า แม้สภาพอากาศของประเทศในช่วงที่ผ่านมาดีขึ้นหลังจากที่เกิดภัยแล้งรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว แต่พืชผลที่จะออกสู่ตลาดยังคงลดลง 4.4% จากปีก่อน
“อุปทานกาแฟทั่วโลกยังคงจำกัด การขายกาแฟโรบัสตาในเวียดนามกำลังเติบโตอย่างช้า ๆ กาแฟอาราบิกาที่เก็บเกี่ยวในอเมริกากลางและโคลอมเบียใช้เวลาในการเข้าสู่ตลาดนานกว่า และเกษตรกรชาวบราซิลก็ไม่ค่อยสนใจที่จะขายเพิ่ม” โบรกเกอร์จาก HedgePoint Global Markets กล่าวสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากาแฟอาราบิกาในตลาด ICE ซึ่งเป็นสัญญาที่ใช้ทั่วโลกในการกำหนดราคาการซื้อขายกาแฟจริง พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.6945 ดอลลาร์ต่อปอนด์ในช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้กำไรในปีนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 15% ในเวลาต่อมา สัญญาปิดตลาดเพิ่มขึ้น 2.5% ที่ 3.6655 ดอลลาร์ต่อปอนด์
กาแฟโรบัสตา ซึ่งเป็นกาแฟพันธุ์ที่มีราคาถูกกว่าซึ่งส่วนใหญ่ใช้ชงกาแฟสำเร็จรูป มีราคาเพิ่มขึ้น 0.9% อยู่ที่ 5,609 ดอลลาร์ต่อเมตริกตัน คาดว่า การส่งออกกาแฟจากอินเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟโรบัสตารายใหญ่อันดับ 5 ของโลก จะลดลงมากกว่า 10% ในปี 2568 เนื่องจากการผลิตที่ลดลงและสต็อกที่เหลือจากพืชผลฤดูกาลที่แล้วลดลง
ตัวแทนจำหน่ายกล่าวว่าเกษตรกรทั้งในทั้งอินเดียและเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตโรบัสตารายใหญ่ที่สุดของโลก กำลังชะลอการขายเนื่องจากคาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีก และในบราซิล ผลผลิตปัจจุบันได้ถูกขายไปแล้วประมาณ 80-90%
โบรกเกอร์ Sucden กล่าวในรายงานว่าเกษตรกรชาวบราซิลยังให้ความสำคัญกับการขายในประเทศมากกว่าการส่งออกสินค้า แม้ว่าการส่งออกสินค้าราคาเป็นดอลลาร์จะทำเงินได้มากกว่า เนื่องจากสถานะทางการเงินของพวกเขาดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสองปีที่ผ่านมาแหล่งข่าว : .Reuters