ในช่วงเวลาที่หลายคนกำลังเพลิดเพลิน กับรสชาติอันหอมกรุ่นของกาแฟแก้วโปรด ตอนนี้โลกของเรากำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ ที่ส่งผลกระทบต่อราคากาแฟทั้ง อาราบิกา และโรบัสต้า ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
ราคากาแฟซื้อขายกันล่วงหน้ายังคงปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดในรอบ 47 ปี ตามรายงานตลาดของ Bloomberg ได้เผยราคากาแฟอาราบิกานั้น พุ่งสูงขึ้นถึง 3.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นระดับสุงสุดนับตั้งแต่ปี 1997 โดยมีการเพิ่มถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้เพียงปีเดียว ในขณะที่ราคากาแฟโรบัสต้าก็มีการเพิ่มขึ้นประมาณ 88 เปอร์เซ็นต์ ในปีนี้อย่างเช่นกัน
สาเหตุที่ทำให้ราคากาแฟพุ่งสูงขึ้น มาจากปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศบราซิลในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งประเทศบราซิล ถือเป็นประเทศอันดับ 1 ของโลกในการผลิตกาแฟอาราบิกา และนอกจากนี้ยังมีความกังวล เกี่ยวกับสายพันธุ์อื่นที่ผลิตในประเทศเวียดนาม ซึ่งประสบกับสภาวะแห้งแล้งในช่วงฤดูเพาะปลูก อีกทั้ยังมีฝนตกหนักในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยวที่เวียดนาม โดยประเทศเวียดนามเป็นผู้นำตลาดกาแฟโรบัสต้า ทั้ง 2 ประเทศนี้ ต่างก็เป็นประเทศผู้ปลูกกาแฟรายใหญ่ของโลก
ต้นทุนการขนส่งก็เป็นอีกปัญหา ฟินด์เลย์ ลีสก์ เจ้าของบริษัท กาแฟ คาเบอร์ ค๊อฟฟี่ ในเมืองอะเบอร์ดีน บอกว่าการส่งสารกาแฟทางเรือเดินสมุทรที่ใช้เวลานานขึ้น ทำให้ต้องจ่ายค่าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นไปด้วย
สรุปสาเหตุหลักที่ทำให้กาแฟมีราคาที่สูงขึ้น1. สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง
2. การขนส่งที่ล่าช้าและทำให้ต้นทุนสูงขึ้น
3. ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน (เนื่องจากมีผู้บริโภคกาแฟเพิ่มขึ้น)
4. ต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงในทุกระดับ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลนิตยสาร Coffee Traveler
กรุงเทพธุรกิจ
